วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2560

เฟนเน็คฟ็อกซ์

                     เฟนเน็คฟ็อกซ์
                                 

เป็นจิ้งจอกที่เล็กที่สุดในโลกแห่งทะเลทรายซาฮารา กินอาหารทั้งพืชและสัตว์ ดำรงชีวิตอยู่ในทะเลทรายที่แห้งแล้ง ขนที่อุ้งเท้ามีความหนาเป็นพิเศษเพื่อให้พวกมันสามารถเดินบนทรายที่ร้อนระอุได้ ขนสีน้ำตาลอมส้มช่วยให้สามารถอำพรางตัวได้ดีในทะเลทราย วิธีการเลี้ยงสำหรับคนที่ไม่เคยเลี้ยงเฟนเน็คฟ็อกซ์มาก่อน ขั้นตอนง่ายๆ เหมือนกับการเลี้ยงสุนัขทั่วไป มีอุปกรณ์พื้นฐานได้แก่ กรงเลี้ยง ถ้วยอาหาร กระบอกขวดน้ำ และอาหารเม็ด อาจเสริมด้วยเนื้อไก่ต้ม เฟนเน็คฟ็อกซ์เป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่ายแต่ต้องอยู่ในความดูแลเพราะเป็นสุนัขจิ้งจอกพันธุ์เล็ก มีกระดูกอ่อน ดั้งนั้นจึงเล่นขย้ำเหมือนสุนัขทั่วไปไม่ได้เพราะอาจจะทำให้เกิดกระดูกหักได้ ข้อควรระวังสำหรับเฟนเน็คฟ็อกซ์ คือเรื่องกระดูกที่หักเปราะง่ายและอาการท้องเสียเนื่องจากอาหารที่ผู้เลี้ยงให้ ทั้งต้องระวังเรื่องของเชื้อโรค หากยังให้วัคซีนไม่ครบซึ่งในระยะนี้ต้องระวังเป็นพิเศษเพราะว่าเฟนเน็คฟ็อกซ์สามารถติดโรคที่อยู่ในเมืองได้ง่าย เนื่องจากในป่าไม่ค่อยมีโรค ไม่มีไข้หัด ไม่มีลำไส้อักเสบ ราคาค่าตัวของมันทำให้หลายๆ คนได้แต่ฝัน เพราะคู่ละ 100,000 บาท T^Tเฟนเน็คฟ็อกซ์มีความว่องไวเหมือนพังพอนสามารถจับแมลงได้อย่างรวดเร็ว สามารถกินงูหางกระดิ่งได้ หรือกินแมงป่องที่มีพิษได้เพราะเคลื่อนไหวเร็วกว่า เฟนเน็คฟ็อกซ์ จะตะปบจนเหล็กในหลุดหรือหักก่อนแล้วถึงจะกิน บางทีก็อาจจะกินลูกหนูขนาดเล็ก หรือไข่นกที่วางอยู่ตามพื้น เขาจะได้กินน้ำจากพืชเป็นส่วนใหญ่ อย่างพวกตระกูลตะบองเพชรเพราะในทะเลทรายหาน้ำยาก เขาก็จะกินน้ำจากพืชที่พอหาได้ ซึ่งพฤติกรรมตามธรรมชาติแล้วจะหากินแยกกันเป็นคู่และไม่ออกล่าเป็นฝูงอย่างที่เราเคยเห็น

วันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2560

ตัวกินมด

                                       ตัวกินมด

                          ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ตัวกินมดยักษ์ (Giant Anteater)

     

       ตัวกินมด

ตัวกินมด (อังกฤษ: Anteater) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกลุ่มหนึ่ง ที่จัดอยู่ในอันดับย่อย Vermilingua (แปลว่า "ลิ้นหนอน")[1][2] [3] ในอันดับ Pilosa หรือสลอธ ในอันดับใหญ่ Xenarthra

ตัวกินมด เป็นสัตว์ที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายกับสัตว์จำพวกอื่นในอันดับใหญ่ทั่วไป คือ เป็นสัตว์ที่มีส่วนจมูกและปากยาวเหมือนท่อ ไม่มีฟันในกราม จึงไม่สามารถที่จะเคี้ยวอาหารได้ แต่ใช้ลิ้นที่ยาวเรียวและมีน้ำลายที่เหนียวตวัดกินแมลงขนาดเล็กตามต้นไม้ หรือพื้นดินกินเป็นอาหาร โดยใช้จมูกที่ไวต่อความรู้สึกหาแมลงไปเรื่อย ๆ เมื่อพบเจอแล้วจะใช้กรงเล็บตีนหน้าที่แหลมคมขุดคุ้ยหรือพังทลายรังของแมลงเหล่านี้ เช่นเดียวกับอาร์มาดิลโล ที่อยู่ในอันดับใหญ่เดียวกัน หรือลิ่น หรืออาร์ดวาร์ก ที่เคยมีบรรพบุรุษร่วมกันมาก่อนในยุคก่อนประวัติศาสตร์
เนื่องจากตัวกินมดกินแมลง ซึ่งได้แก่ มด และปลวก ซึ่งให้พลังงานต่ำ ดังนั้นวัน ๆ หนึ่งจึงต้องกินมดในปริมาณมากที่อาจมากถึง 9,000 ตัวได้ [4]
ตัวกินมด มีขนที่หนาปกคลุมตลอดทั้งตัวและผิวหนังที่หนาที่ช่วยป้องกันตัวจากการโจมตีของมด แต่ก็ไม่สามารถที่จะใช้ป้องกันได้สมบูรณ์แบบ
   
ถิ่นกระจายพันธุ์และพฤติกรรม

ตัวกินมด ทั้ง 4 ชนิด กระจายพันธุ์ในป่าทึบในอเมริกากลาง และอเมริกาใต้ โดยที่ ตัวกินมดยักษ์นับเป็นชนิดที่ขนาดใหญ่ที่สุด เพราะมีความยาวได้ถึง 2 เมตร และเป็นสัตว์ที่ขี้หงุดหงิด เนื่่องจากมีสายตาที่ไม่ดี เมื่อโกรธและป้องกันตัวสามารถยืนด้วยขาหลังได้และยกขาหน้าที่มีกรงเล็บแหลมคมขู่ใส่ผู้รุกรานได้ ซึ่งนี่เป็นพฤติกรรมการป้องกันตัวโดยปกติอยู่แล้วของตัวกินมดไม่ว่าชนิดใด[4]
ตัวกินมดยักษ์ สามารถพบได้ทั่วไปในทวีปอเมริกาใต้ และพบได้ในเซอราโด ซึ่งเป็นที่ราบกว้างใหญ่ในประเทศบราซิล เป็นตัวกินมดที่หากินได้ทั้งในเวลากลางคืนและกลางวัน แต่จะหากินบนพื้นดินเท่านั้น เนื่องจากไม่สามารถที่จะปีนต้นไม้ได้เพราะขนาดตัวที่ใหญ่ ดังนั้นอาหารที่กินส่วนใหญ่มักจะเป็นปลวก มากกว่ามด[8]
ขณะที่ทาแมนดัวทั้ง 2 ชนิด และตัวกินมดซิลกี้ มีขนาดเล็กลงมา โดยที่ทาแมนดัวมีขนาดลำตัวประมาณ 1 เมตร และตัวกินมดซิลกี้มีความยาวประมาณ 30-40 เซนติเมตรเท่านั้น นับเป็นตัวกินมดที่มีขนาดเล็กที่สุด ทั้งทาแมนดัวและตัวกินมดซิลกี้จะอาศัยและหากินบนต้นไม้เป็นหลัก เป็นสัตว์ที่ขี้อายและพบเห็นตัวได้ยาก โดยเฉพาะตัวกินมดซิลกี้จะอาศัยอยู่บนยอดต้นไม้สูง หากินในเวลากลางคืนเป็นหลัก ขณะที่เวลากลางวันจะนอนหลับด้วยการขดตัวเป็นวงกลมเหมือนลูกบอลบนต้นไม้ ซึ่งทั้งทาแมนดัวและตัวกินมดซิลกี้ต่างกินมดเป็นอาหารหลัก จัดเป็นตัวกินมดที่สามารถปีนป่ายและทรงตัวบนต้นไม้หรือกิ่งไม้ได้เป็นอย่างดี เนื่องด้วยปลายหางที่สามารถใช้เกาะเกี่ยวกับต้นไม้ได้เป็นอย่างดีเพื่้อรักษาสมดุล อีกทั้งยังสามารถที่จะยืนยกขาหน้า ชูกรงเล็บเพื่้อป้องกันตัว ด้วยการใช้ขาหลังเหมือนจิงโจ้ทรงตัวได้เป็นอย่างดีอีกด้วย โดยเฉพาะทาแมนดัวนั้นปลายหางจะไม่เป็นขนแต่จะเป็นเกล็ดขนาดเล็ก ๆ อีกทั้งทาแมนดัวยังมีพฤติกรรมที่เพิ่งพบรายงานเมื่อไม่นานมานี้ว่า นอกจากแมลงแล้ว ยังสามารถที่จะใช้กรงเล็บผ่าเปลือกของลูกปาล์มแยกออกเป็น 2 ซีก แล้วใช้ลิ้นตวัดกินน้ำและเนื้อภายในลูกปาล์มเป็นอาหารได้อีกด้วย ซึ่งอาจเป็นพฤติกรรมที่มาจากการเรียนรู้หรือถ่ายทอดต่อกันมา เพื่อให้ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม